fbpx

แนะนำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในการสร้างร้านค้าออนไลน์ ปี 2023

แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ คือ เว็บแพลตฟอร์มหรือโปรแกรมที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างและจัดการร้านค้าออนไลน์ของตนได้ ซึ่งมีเครื่องมือและฟีเจอร์ที่ช่วยให้ความสะดวกสบายในการดูแลรักษาและเพิ่มประสิทธิภาพในการขายสินค้าและบริการผ่านทางอินเตอร์เน็ต รวมทั้งการสร้างเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ ระบบจัดการสินค้า ระบบชำระเงินออนไลน์ ระบบจัดการคำสั่งซื้อ และฟีเจอร์เสริมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการสร้างธุรกิจออนไลน์

แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน มีดังนี้

1. Magento
2. Shopify
3. WooCommerce
4. Wix
5. Ecwid
6. BigCommerce
7. AppMaster

1. Magento

Magento เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Magento Inc. ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม Adobe และให้บริการเพื่อช่วยในการสร้างร้านค้าออนไลน์ที่มีความซับซ้อนและความสามารถในการปรับแต่งสูง ในปัจจุบัน Magento ถูกพัฒนาเป็นสองเวอร์ชันคือ Magento Open Source (ก่อนหน้านี้เรียกว่า Magento Community Edition) และ Magento Commerce (ก่อนหน้านี้เรียกว่า Magento Enterprise Edition) ทั้งสองเวอร์ชั่นมีความแตกต่างกันตามฟังก์ชันและความสามารถที่นำเสนอ
Magento เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เหมาะสำหรับธุรกิจที่ใหญ่และซับซ้อน มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งและปรับใช้ฟีเจอร์ตามความต้องการ

ข้อดีของ Magento

  1. ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง
    Magento เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานมีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งร้านค้าออนไลน์ให้เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจ คุณสามารถปรับแต่งธีม รูปแบบเลย์เอาต์ การแสดงผลสินค้า และการเพิ่มเติมฟีเจอร์ต่าง ๆ ตามต้องการ
  2. ระบบการจัดการสินค้าที่มีมาตรฐาน
    Magento มีระบบจัดการสินค้าที่สามารถจัดการคุณสมบัติสินค้า ราคา สต็อกสินค้า การสั่งซื้อ และการจัดส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐาน
  3. การส่งเสริมการขายและการตลาด
    Magento มีเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยในการตลาดออนไลน์ เช่น การจัดการคูปอง โปรโมชั่น และบัตรกำนัล เพื่อส่งเสริมการขายสินค้าและเพิ่มยอดขาย
  4. ความสามารถในการรองรับหลายภาษา และหลากหลายสกุลเงิน
    Magento มีระบบสำหรับการจัดการภาษาและสกุลเงินที่หลากหลาย ทำให้สามารถขายสินค้าในหลายประเทศได้โดยง่าย
  5. ความปลอดภัยสูง
    Magento มีความปลอดภัยสูงและให้การรับประกันที่มั่นใจในการปกป้องข้อมูลลูกค้าและการทำธุรกิจของคุณ

ข้อเสียของ Magento

  1. ความซับซ้อนในการติดตั้งและการดูแล
    Magento มีความซับซ้อนในกระบวนการติดตั้งและการดูแลที่ค่อนข้างซับซ้อน ควรมีความรู้ในเรื่องของ Web Service ต่างๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างเหมาะสม
  2. ต้องใช้ทรัพยากรที่มาก
    Magento เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ทรัพยากรมาก อาจต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ที่มีความสามารถสูงเพื่อให้รองรับการใช้งานอย่างเหมาะสม
  3. การอัปเกรดและการทำงานกับปลั๊กอิน
    การอัปเกรด Magento และการทำงานกับปลั๊กอินที่ต่างกันอาจทำให้เกิดข้อบกพร่องหรือปัญหาเกี่ยวกับความสามารถของร้านค้าออนไลน์
  4. การเรียนรู้ที่ยาก
    การใช้งาน Magento อาจใช้เวลานานกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่มีความซับซ้อนต่ำกว่า

2. Shopify

Shopify เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Shopify Inc. ซึ่งเปิดให้บริการในการสร้างร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการ เน้นในความง่ายในการใช้งาน และการให้บริการที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็กหรือใหญ่ สามารถนำ Shopify มาใช้ในการขายสินค้าและบริการออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย

ข้อดีของ Shopify

1. ความง่ายในการใช้งาน
Shopify มีอินเตอร์เฟซใช้งานที่ใช้งานง่ายและสามารถปรับแต่งร้านค้าออนไลน์ได้อย่างสะดวก ไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านเว็บเพื่อสร้างร้านค้าออนไลน์

2. การจัดการสินค้าที่มีความสามารถ
Shopify มีระบบจัดการสินค้าที่เป็นมาตรฐานและสามารถจัดการราคาสินค้า สต็อกสินค้า การจัดส่ง และการจัดการคำสั่งซื้อได้อย่างสะดวก

3. ความปลอดภัยและความเชื่อถือ
Shopify มีระบบความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือเพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้าและการทำธุรกิจ การสำรองข้อมูลและความน่าเชื่อถือในการให้บริการ

4. เทมเพลตที่สวยงาม
มีเทมเพลตที่สวยงามและสมบูรณ์ให้เลือกใช้ในการสร้างร้านค้าออนไลน์ ช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งร้านค้าให้มีลุคและสไตล์ตามต้องการ

5. ความสามารถในการต่อเชื่อมกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ
Shopify สามารถต่อเชื่อมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลาย เช่น การชำระเงิน การจัดส่ง และบริการต่าง ๆ ที่ช่วยให้ร้านค้าออนไลน์มีความสมบูรณ์และประสบความสำเร็จ

ข้อเสียของ Shopify

1. ค่าบริการ
Shopify เป็นแพลตฟอร์มที่เสียค่าบริการเมื่อใช้งาน ค่าบริการนี้อาจสูงขึ้นในกรณีที่ร้านค้าออนไลน์มีขนาดใหญ่และมีการขายสินค้ามาก

2. การใช้ปลั๊กอิน
หากคุณต้องการเพิ่มฟีเจอร์พิเศษในร้านค้าออนไลน์ อาจต้องใช้ปลั๊กอินเสริมที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

3.การปรับแต่งสูงสุด
หากคุณต้องการปรับแต่งสูงสุดในเรื่องของฟังก์ชันและการเปลี่ยนแปลงเครื่องมือในร้านค้า อาจต้องพัฒนาซอฟต์แวร์ในระดับขั้นสูง

4.ความยากในการเปลี่ยนแปลงหน้าตาเว็บไซต์
Shopify มีเทมเพลตที่สวยงาม แต่การเปลี่ยนแปลงหน้าตาเว็บไซต์อาจมีความยากลำบากในกรณีที่ต้องการทำให้เหมือนกับเว็บไซต์ที่อยู่ในแบรนด์อื่น ๆ

3.WooCommerce

WooCommerce เป็นปลั๊กอิน (Plugin) ของระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ที่ชื่อว่า WordPress ที่ใช้ในการสร้างร้านค้าออนไลน์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการของผู้ใช้ได้แบบอิสระ โดยมีร้านค้าออนไลน์มากกว่า 50 ล้านแห่งทั่วโลก


ข้อดีของ WooCommerce

  1. ติดตั้งง่าย
    WooCommerce เป็นปลั๊กอินที่ติดตั้งและใช้งานง่าย คุณสามารถเพิ่มร้านค้าออนไลน์ลงในเว็บไซต์ WordPress ของคุณได้โดยทันทีเพื่อเริ่มต้นใช้งาน
  2. ความสามารถในการปรับแต่ง
    WooCommerce มีธีมและเทมเพลตที่สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังมีปลั๊กอินที่สามารถเพิ่มฟังก์ชั่นเสริมได้ตามความต้องการของร้านค้า
  3. ระบบการจัดการสินค้าที่เหมาะสม
    WooCommerce มีระบบการจัดการสินค้าที่ครอบคลุมทั้งในการจัดการราคาสินค้า สต็อกสินค้า การจัดส่ง และการติดตามคำสั่งซื้อ
  4. Plugin (โปรแกรมเสริม) ที่หลากหลาย
    WooCommerce มีปลั๊กอินที่ให้ความสามารถในการเพิ่มฟีเจอร์ต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น การชำระเงิน การจัดส่ง การจัดการสินค้าและการส่งเสริมการขาย
  5. Community และ การ supports
    มี Community ของนักพัฒนาและผู้ใช้งาน WooCommerce ที่ให้ความสำคัญในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาและปรับปรุงร้านค้าอย่างเหมาะสม

ข้อเสียของ WooCommerce

  1. ความซับซ้อนในการตั้งค่า
    การตั้งค่าของ WooCommerce อาจค่อนข้างซับซ้อน โดยเฉพาะหากคุณต้องการปรับแต่งและใช้งานปลั๊กอินเสริม
  2. ข้อจำกัดในเลือกธีม
    บางธีมอาจมีข้อจำกัดในเรื่องของการปรับแต่งตามต้องการของคุณ คุณอาจต้องมีการแก้ไขโค้ดเพิ่มเติมหากต้องการเปลี่ยนแปลงหน้าตาของร้านค้า
  3. การทำงานกับภาษาและสกุลเงิน
    ในบางกรณี การทำงานกับภาษาและสกุลเงินที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษและสกุลเงินที่ไม่ใช่ USD อาจต้องใช้ปลั๊กอินเสริมหรือการตั้งค่าเพิ่มเติม
  4. ความเก่าแก่ WooCommerce ขึ้นต้นมาจากปี 2011 ซึ่งหมายความว่าอาจมีฟังก์ชั่นบางอย่างที่เก่าแก่และต้องอัปเกรดใหม่เพื่อให้ทันสมัย

4. WIX

Wix เป็นแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่ให้บริการทั้งในเวอร์ชั่นฟรีและเสียเงิน ซึ่งให้ความสะดวกสบายในการสร้างเว็บไซต์โดยไม่ต้องมีความรู้หรือทักษะด้านการเขียนโค้ดเลย มีเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและมีเทมเพลตที่สวยงามให้เลือกใช้ในการออกแบบเว็บไซต์ตามต้องการ
Wix มีธีมให้เลือกมากมายและผู้ใช้สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ของตนได้อย่างเต็มที่ Wix ยังเสนอคุณสมบัติต่างๆ เช่น อีเมลการตลาด โซเชียลมีเดีย และการวิเคราะห์

ข้อดีของ Wix

  1. ความสะดวกสบายในการใช้งาน
    Wix มีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและสามารถลากและวางองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อสร้างเว็บไซต์ได้อย่างสะดวก
  2. ทำเว็บไซต์ที่สวยงาม
    Wix มีเทมเพลตที่สวยงามที่สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ ช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ที่มีลุคและสไตล์ตามที่คุณต้องการ
  3. มีฟีเจอร์ต่าง ๆ
    Wix มีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมตั้งแต่การสร้างร้านค้าออนไลน์ การเพิ่มโมดูลสื่อสารสังคม การตั้งค่าเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับ SEO และฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ให้ความสามารถในการปรับแต่งเว็บไซต์
  4. ความสามารถในการขายสินค้าออนไลน์
    สำหรับร้านค้าออนไลน์ คุณสามารถใช้ Wix สร้างร้านค้าออนไลน์และใช้ฟีเจอร์การชำระเงินออนไลน์ได้
  5. การให้บริการฟรีและเสียเงิน
    Wix มีให้บริการในรูปแบบที่เสียเงินและฟรี ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้แผนที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ

ข้อเสียของ Wix

  1. การจำกัดในการปรับแต่ง
    การปรับแต่งใน Wix อาจจำกัดในบางกรณี และคุณอาจต้องเลือกธีมหรือรูปแบบที่มีให้ใน Wix เนื่องจากฟีเจอร์การปรับแต่งในระดับขั้นสูงมีอยู่น้อยกว่าแพลตฟอร์มอื่น
  2. ค่าบริการในระดับสูง
    แผนบริการที่มีความสมบูรณ์และฟีเจอร์ที่ครอบคลุมอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าแพลตฟอร์มอื่น
  3. การอัปเกรดภายในแพลตฟอร์ม
    การเปลี่ยนแปลงแผนบริการหรืออัปเกรดฟีเจอร์ภายในแพลตฟอร์ม Wix อาจส่งผลให้คุณต้องมีการปรับแต่งหรือเปลี่ยนแปลงในระดับซอฟต์แวร์
  4. ความจำกัดในการทำธุรกิจระดับใหญ่
    ในกรณีที่คุณมีธุรกิจใหญ่และมีความต้องการที่ซับซ้อน

5. Ecwid

Ecwid เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างและจัดการร้านค้าออนไลน์ได้โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านโค้ด Ecwid สามารถใช้กับเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นด้วยแพลตฟอร์มใดก็ได้ รวมถึง WordPress, Shopify, Wix และอื่นๆ Ecwid ยังเสนอคุณสมบัติต่างๆ เช่น การจัดการสต็อก การจัดการการชำระเงิน การจัดส่ง และการตลาด

ข้อดีของ Ecwid

  • ใช้งานง่าย
  • ปรับแต่งได้สูง
  • เสนอคุณสมบัติต่างๆ เช่น การจัดการสต็อก การจัดการการชำระเงิน การจัดส่ง และการตลาด
  • มีแผนราคาให้เลือกมากมาย
  • รองรับหลายภาษา

ข้อเสียของ Ecwid

  • อาจไม่เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีความต้องการเฉพาะ
  • อาจต้องมีการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง

6. BigCommerce

BigCommerce เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซบนคลาวด์ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างและจัดการร้านค้าออนไลน์ได้ แพลตฟอร์มนี้ใช้งานง่ายและมีคุณสมบัติมากมายที่ช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถขายสินค้าออนไลน์ได้

ข้อดีของ BigCommerce

  • ใช้งานง่าย แพลตฟอร์ม BigCommerce ใช้งานง่ายและมีคุณสมบัติมากมายที่ช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถขายสินค้าออนไลน์ได้
  • มีคุณสมบัติมากมาย แพลตฟอร์ม BigCommerce มีคุณสมบัติมากมายที่ช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถขายสินค้าออนไลน์ได้ คุณสมบัติเหล่านี้รวมถึงการจัดการสต็อก การจัดการการชำระเงิน การจัดส่ง และการตลาด
  • ปรับแต่งได้สูง แพลตฟอร์ม BigCommerce ปรับแต่งได้สูงและธุรกิจสามารถปรับแต่งร้านค้าออนไลน์ของตนได้ตามความต้องการ
  • ปลอดภัยและเชื่อถือได้ แพลตฟอร์ม BigCommerce ปลอดภัยและเชื่อถือได้และได้รับการปกป้องด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง
  • มีแผนราคาให้เลือกมากมาย: แพลตฟอร์ม BigCommerce มีแผนราคาให้เลือกมากมายเพื่อให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถหาแผนที่เหมาะสมกับความต้องการของตนได้

ข้อเสียของ BigCommerce

  • อาจแพงสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก: แพลตฟอร์ม BigCommerce อาจแพงสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
  • อาจไม่เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีความต้องการเฉพาะ: แพลตฟอร์ม BigCommerce อาจไม่เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีความต้องการเฉพาะ เช่น ความต้องการด้านความปลอดภัยหรือความต้องการด้านการปรับแต่งขั้นสูง อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์ม BigCommerce เสนอตัวเลือกการปรับแต่งและบริการเสริมที่หลากหลายซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะของธุรกิจขนาดใหญ่ได้
  • อาจต้องมีการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง: แพลตฟอร์ม BigCommerce ใช้งานง่าย แต่อาจต้องมีการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง คุณจะต้องเพิ่มผลิตภัณฑ์ จัดการสต็อก และติดตามคำสั่งซื้อของคุณเป็นประจำ คุณอาจต้องปรับแต่งร้านค้าออนไลน์ของคุณตามความต้องการของธุรกิจของคุณ

7. AppMaster

AppMaster เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างแอปพลิเคชันบนคลาวด์แบบ no-code ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างแอปพลิเคชันโดยไม่ต้องเขียนโค้ด แพลตฟอร์มนี้ใช้สถาปัตยกรรมแบบกระจายและสามารถใช้ในการสร้างแอปพลิเคชันทุกประเภท รวมถึงแอปพลิเคชันเว็บ แอปพลิเคชันมือถือ และ API

ข้อดีของ AppMaster

  • ใช้งานง่าย แพลตฟอร์ม AppMaster ใช้งานง่ายมาก ผู้ใช้สามารถสร้างแอปพลิเคชันโดยไม่ต้องเขียนโค้ด
  • ปรับแต่งได้สูง แพลตฟอร์ม AppMaster ปรับแต่งได้สูง ผู้ใช้สามารถปรับแต่งแอปพลิเคชันของตนได้ตามความต้องการ
  • ปลอดภัย แพลตฟอร์ม AppMaster ปลอดภัยและได้รับการปกป้องด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง
  • เชื่อถือได้ แพลตฟอร์ม AppMaster เชื่อถือได้และได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานในการผลิต
  • คุ้มค่าแพลตฟอร์ม AppMaster คุ้มค่าและเสนอแผนราคาที่หลากหลายเพื่อให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถหาแผนที่เหมาะสมกับความต้องการของตนได้

ข้อเสียของ AppMaster

  • อาจไม่เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ซับซ้อน แพลตฟอร์ม AppMaster อาจไม่เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนซึ่งต้องใช้โค้ดที่กำหนดเอง
  • อาจไม่เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีความต้องการเฉพาะ แพลตฟอร์ม AppMaster อาจไม่เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีความต้องการเฉพาะ เช่น ความต้องการด้านความปลอดภัยหรือความต้องการด้านการปรับแต่งขั้นสูง
  • อาจต้องมีการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง แพลตฟอร์ม AppMaster ใช้งานง่าย แต่อาจต้องมีการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้จะต้องอัปเดตแอปพลิเคชันของตนเป็นประจำเพื่อรับการอัปเดตความปลอดภัยและคุณสมบัติใหม่

สำหรับการเลือกใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทของธุรกิจของคุณ ขนาดของธุรกิจของคุณ งบประมาณของคุณ และความต้องการเฉพาะของคุณ แต่ละแพลตฟอร์มอาจมีความสามารถและฟีเจอร์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรศึกษาและทดสอบแพลตฟอร์มที่เหมาะสมก่อนที่จะตัดสินใจใช้

บริษัทมีแนวทางการพัฒนาเว็บไซต์ การตลาดออนไลน์ ที่เน้นคุณภาพ สร้างผลลัพธ์ได้จริง เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโต ในโลกออนไลน์ พวกเรายินดีให้คำปรึกษา พร้อมวางแผนกลยุทธ์ภายใต้โจทย์ทางธุรกิจที่ชัดเจน

หลงใหลในเทคโนโลยี เครื่องมือ ใหม่ๆ ไอเดียเจ๋งๆ จากทั่วทุกมุมโลก มาผสมผสาน ออกเป็นผลงาน และเป็นผู้ก่อตั้ง click-end.com ครับผม :)